Follow or share

Celadon (ศิลาดล)

เนื่องในวันนี้เป็นวันพิเศษ เพื่อนลากมา เลยมาทานอาหาร Fine Dining ระดับ Michelin Star ที่เป็นอาหารไทยกัน เราเลือกที่จะมาทานที่ Celadon ร้านอาหารไทยในโรงแรม The Sukhothai Bangkok เพราะนอกจากจะบรรยากาศดีแล้ว ทาง Chef ยังเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถื่นต่างๆมาปรุงอาหาร เหมือนเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านอีกทาง

ตัวร้านจะออกแบบเป็นบ้านคล้ายเรือนไทย ล้อกับแบบของโรงแรม ที่เน้นออกแบบสไตล์ไทยๆ นอกจากนี้ยังมีสระบัวอยู่กลางร้าน และมีสวนผักอยู่หลังร้านอีกด้วย 

Course ที่เราเลือก เป็น Testing Menu ราคา 2,900 THB++ 
โดยจะมีเป็น 9 Dishes โดยแบ่งเป็น 
– Appetizers 4 Dishes
– Main courses 3 Dishes
– Desserts 2 Dishes

Brazilian Light (265 THB++)

เป็น Mocktail ที่ใส่ Lime, Brown Sugar, Raspberry Puree (ค่อนข้างเข้มข้นมาก) ปิดท้ายด้วย Soda ก่อนดื่ม แนะนำให้คนให้เข้ากันก่อน

เริ่มต้นที่ Appetizers

จานแรกจะเป็น ขนมเบื้องโบราณกุ้งหลวง

เป็นเมนูที่ Chef บอกว่ามีแนวคิดมาจากขนมเบื้องที่เป็นขนมมีไส้คาว หวาน และ ขนมเบื้องญวน โดย Chef จะเลือกใช้กุ้งแม่น้ำจากอยุธยา และมะพร้าวสดๆจากบ้านแพ้ว

วิธีทาน : หยิบทานได้เลย แนะนำให้กัดเป็น 2 คำ แต่ถ้าหากใครชอบแบบเต็มๆคำ สามารถทานทั้งคำเลยก็ได้

รสชาติ : กุ้งแม่น้ำเนื้อจะแน่น สุกกำลังดี จะมีกลิ่นหอมของมะพร้าวและของใบมะกรูดนิดหน่อย ตัวแป้งของขนมเบื้องจะมีความกรอบและมี texture ที่ไม่เหมือนขนมเบื้องทั่วไป โดยรวมรู้สึกว่ารสชาติจะอ่อนๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็น Appetizers แรก เลยยังไม่อยากให้รสชาติจัดจ้านเกินไป

จานที่ 2 ข้าวหอมมะลิแดงยำดอกไม้ดอยอ่างขาง

Chef บอกว่า น้ำบูดูจะเป็นสูตรของภาคใต้ ดอกไม้ที่อยู่ภายในจาน จะมาจากโครงการหลวง ทางภาคเหนือ ส่วนข้าวหอมแดง ก็เป็นข้าวพันธุ์พระราชทาน จากจังหวัดสุรินทร์

วิธีทาน : คลุกน้ำบูดูกับข้าวและเครื่องเคียงก่อนทาน แต่ถ้าหากใครที่อยากได้รสชาติที่แตกต่าง อาจจะใช้วิธีการตัดน้ำบูดูใส่ทีละคำแทนก็ได้

รสชาติ : ภายในจานจะมี ดอกไม้ ตะไคร้ มะม่วงเบา ถั่วงอก ถั่วฝักยาว มะพร้าว และพริก จากที่ทานหลังจากคลุกด้วยน้ำบูดูแล้ว รสชาติจะมีความเปรี้ยว หวาน และเผ็ด (ถ้าหากใครไม่ทานเผ็ดแนะนำให้แยกพริกออกก่อน เพราะตอนที่เราทานไม่ได้ดูว่าพริกเยอะมาก) และจะมีความกรอบจากข้าวหอมแดง ถือว่าเป็นอาหารทานเล่น ที่เรียกน้ำย่อยได้ดี ถือว่าจัดจ้านกว่าเมนูแรก

จานที่ 3 ยำสละปูทะเลฟู

Chef เลือกใช้ปูชัก (คือปูที่เวลาชาวประมงจับมาได้แล้วจะแช่น้ำไว้ จนกว่าจะมีคนมาซื้อ เพื่อให้ปูยังสดๆ) จาก คลองเทียนเพชรบุรี มาทำเป็นปูฟู โดยจะไม่ผสมแป้ง และเลือกทอดด้วยน้ำมันมะพร้าว

วิธีทาน : เทน้ำยำลงไปเล็กน้อย ถ้าหากใครที่ชอบทานยำแบบฉ่ำน้ำ ก็สามารถเทเพิ่มได้

รสชาติ : น้ำยำจะมีใส่สละและส้มซ่า เพื่อให้ความสดชื่นเวลาทาน รสชาติจะเปรี้ยวนำ และเค็มนิดๆ แต่ว่าไม่เผ็ด ทานพร้อมกับ เนื้อปูฟู และ กรรเชียงปู จะมีความรู้สึกคล้ายๆกับปลาดุกฟู แต่เวลาเป็นเนื้อปู จะรู้สึกว่าจะมีความแน่นๆมากกว่า

จานที่ 4 ต้มใบหม่อนปลาอุณรุท

Chef ใช้วิธีคล้ายๆกับการอู๋ไก่ (ไก่ใต้น้ำ) แต่เปลี่ยนเป็นเนื้อปลาอุณรุทแทน (ปลาอุณรุท จะเป็นปลาสายพันธุ์เดียวกับปลาเก๋าลายจุด แต่ว่าเนื้อจะแน่นกว่า)

วิธีทาน : เทน้ำร้อนใส่ถ้วย น้ำร้อนจะไปผสมกับเครื่องเทศ

รสชาติ : เมื่อเทน้ำแล้ว น้ำซุปค่อนข้างเข้มข้น รสชาติมีความคล้ายๆกระเพรา แต่เวลาทานกับเนื้อปลา กำลังดี ทำให้เนื้อปลามีรสชาติมากขึ้น ปกติเราเป็นคนไม่ทานหนังปลา แต่หนังปลาอุณรุทคืออร่อยมาก ไม่เละ เหนียวๆมันๆ

เมื่อหมดเมนู Appetizers แล้ว พนักงานก็จะเข้ามาถามว่า ต่อไปจะเป็น Main course แล้ว อยากจะนั่งพอรอก่อน หรือว่า เริ่ม Main Course ต่อเลยดี และแน่นอนว่า เราตอบว่าให้ต่อเลย 🤣🤣

แกงคั่วปูใบชะคราม

จานที่ 5 แกงคั่วเนื้อแก้มวัวตะลิงปลิง ถ้าหากใครไม่ทานเนื้อวัว Chef จะเปลี่ยนให้เป็นเมนู “แกงคั่วปูใบชะคราม”

และด้วยที่เราไม่ทานเนื้อวิว ก็เลยได้เมนู แกงคั่วปูใบชะคราม แทน

รสชาติ : แกงคั่วคือเข้มข้นมากกก มากขนาดว่าต้องทานกับข้าวสวย ทานเปล่าๆไม่ไหว เพราะไม่งั้นจะเข้มข้นเกินไป เนื้อปูเป็นเนื้อกรรเชียง แน่นๆ กับใบชะคราม (จากจังหวัดสมุทรสงคราม) ถ้าใครนึกภาพไม่ออกจะคล้ายๆชะอม

จานที่ 6 คอหมูย่างถ่าน น้ำพริกข่าผักแนม

 

รสชาติ : คอหมูย่าง ติดมันไม่มาก ตัวเนื้อจะมีความเด้งๆหน่อย เสิร์ฟบนเตาถ่าน ทำให้คอหมูยังอุ่นอยู่ตลอด น้ำพริกข่า จะยังมีความคล้ายๆจิ้มแจ่ว จะออกหวานนิดๆ และมีผักแนม (ไม่ได้ทาน เพราะว่าอิ่มมาก)

จานที่ 7 กุ้งแม่น้ำสามสายย่างไม้โมก

รสชาติ : เนื้อกุ้งแน่นมาก มันกุ้งคือดีย์เผามาได้พอดีมาก ไม่สุกเกินไปจนแข็ง เสิร์ฟพร้อม 2 น้ำจิ้ม คือ น้ำปลาหวาน และ ฉู่ฉี่ (ใช้มันกุ้งในการทำ มีความมันๆ) ส่วนตัวชอบจิ้มกับฉู่ฉี่มากกว่า

เมื่อทาน Course เสร็จแล้ว เราเลือกที่จะพัก เพื่อให้อาหารย่อยก่อนที่จะไปต่อที่ Dessert

จานที่ 8 ไอติมเหล้าโรง

ถ้าหากใครไม่ทานเหล้าขาว สามารถ เปลี่ยนไปเป็นไอติมเมนูอื่นๆได้

รสชาติ : รสไอติมจะมีกลิ่นของเหล้าขาว มากพอสมควร จะเรียกว่ากลิ่นก็ไม่เชิง เพราะมีใส่เหล้าขาวเยอะอยู่เหมือนกัน ทานไป 2 คำกลิ่นเหล้าติดปากเลย ข้างในไอติมจะมีเป็นเนื้อมะขาม และ Top ด้านบนด้วยมะม่วงเบา เวลาตัดทานพร้อมกันจะมีรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ

จานที่ 9 ขนมถั่วแปบมะพร้าวน้ำหอม

รสชาติ : แป้งบางห่อจะเป็นสีเขียว น่าจะมาจากใบเตยข้างในใส่ใส้ถั่วทอง ลำใย งาดำ และงาขาว และข้างนอกจะมีกะทิที่ตีเป็นฟอง เวลาทานพร้อมกันรสชาติจะนัวมากๆ ไม่หวานมาก มีความเค็มของกะทิมาตัด ปกติจะไม่ค่อยชอบทานถั่วทองเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าทานแล้วจะแห้งปาก แต่พอทานพร้อมกะทิแล้ว โอเคเลย

INFO

HOURS :

18.00 – 23.30

(Monday – Tuesday Closed)

TEL :

02 344 8888 Ext. 8651

ADDRESS :

MAP >

PARKING :

Available