Follow or share

Ging Grai

Ging Grai (กิ่งไกร)

เคยมั้ยที่เกิดอาการตัดสินใจไม่ถูก ยิ่งเมื่อชวนกันไปกินข้าวหลายๆคนแล้วตกลงกันไม่ได้ว่าจะไปกินร้านไหนดี เพราะบางคนอยากกินอาหารเหนือ บางคนอยากอีสาน บางคนก็อยากอาหารภาคกลาง แต่ปัญหานี้จะหมดไปถ้าเลือกมาทานที่นี่ “กิ่งไกร”

ร้านอาหารไทยน้องใหม่แห่งนิมมานเหมินทร์ซอย 11 ที่ได้รวบรวมเอาอาหารไทยแท้ 4 ภาคมาให้เราได้ลองลิ้มชิมรสกัน เนื่องจากเจ้าของร้านได้ไปอยู่ทั่วทั้งสี่ภาค จึงได้ซึมซับเอารสชาติแท้ๆ ของอาหารไทยแต่ละภาคมาถ่ายทอดเป็นอาหารจานอร่อยที่เราได้ชิมกันในวันนี้

ตัวร้านตกแต่งได้น่ารักอบอุ่นโดยมีกลิ่นอายแบบ tropical ผสมผสานกับการตกแต่งแบบตะวันตก ให้บรรยากาศที่ cozy and classy นั่งทานได้แบบสบายๆ ตัวร้านมีสองชั้นโดยชั้นล่างจะเป็นบาร์เครื่องดื่มและโต๊ะบางส่วน ส่วนชั้นบนจะเป็นโต๊ะทานอาหารที่มีหลายโซนให้เลือกนั่งกัน

สำหรับอาหารวันนี้ได้เลือกชิมทั้ง 4 ภาคเลยโดยได้เลือกมาภาคละ 1-3 เมนูดังต่อไปนี้

แอ๊บปลาดุก (160 THB)

อาหารชื่อดังของภาคเหนือที่นำปลาดุกมาคลุกกับพริกแกงทางเหนือและสมุนไพรแล้วนำไปห่อใบตองย่างจนส่งกลิ่นหอมทั้งจากตัวสมุนไพรและใบตองที่ถูกไฟ รสชาติค่อนข้างจัดจ้านทานกับข้าวเหนียวคือเข้ากัน

ลาบปลาตอง (100 THB)

มาต่อกันที่ภาคอีสานกับเมนู ลาบปลาตอง โดยทางเชฟจะนำเนื้อปลาที่ขูดและตีจนขึ้นฟูมาผสมกับเครื่องลาบจนรสจัดจ้านจากนั้นก็นำไปย่างไฟจนหอม เสิร์ฟพร้อมหอมแดง พริกขี้หนู และมะนาวเพิ่มรสชาติเปรี้ยว

ตำไทย (100 THB)

ส่วนใครชอบแบบตำไทย ทางร้านก็มีให้เลือก รสชาติก็จะออกละมุนมีรสชาติหวานหน่อยทานได้แบบเพลินๆ

ส้มตำปูปลาร้า (95 THB)

จานต่อมาก็ยังอยู่ที่ภาคอีสาน กับ ส้มตำปูปลาร้านัวๆ (95 THB)
ที่ตำโดยเชฟชาวอีสาน เป็นรสชาติแบบอีสานแท้ๆที่ไม่มีรสหวานเจือปน สายแซ่บนัวต้องไม่พลาด

ขนมจีนซาวน้ำ (220 THB)

ย้ายมากันที่ภาคกลางกันบ้างกับเมนูที่เริ่มหาทานยากแล้วกับ ขนมจีนซาวน้ำ ที่จัดหนักจัดเต็มด้วยเครื่องหลากหลาย ทั้งสับปะรด ขิงซอย น้ำกะทิ กุ้งแห้งป่น กระเทียมดอง พริกขี้หนูซอย ไข่ต้ม และแจงลอนเนื้อเด้งๆ ก่อนทานก็คลุกทุกอย่างรวมกันแล้วเข้าปากคำโตๆ ได้ครบทุกเนื้อสัมผัสและรสสัมผัสอย่างเต็มที

ซี่โครงทอดนำ้ปลา (165 THB)

ต่อมาเป็นเมนูทานง่ายๆ อย่าง ซี่โครงทอดนำ้ปลา ถึงแม้จะดูง่ายๆแต่ทางร้านเค้าพิถีพิถันสุดๆในการเลือกวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆโดยเฉพาะน้ำปลาที่เป็นน้ำปลาชั้นดีจากจังหวัดตราดเลย

หมูชะมวง (240 THB)

สุดท้ายที่ภาคตะวันออกซึ่งเจ้าของร้านได้ซึมซับรสชาติมาตั้งแต่เด็กและได้รับสืบทอดสูตรอาหารมาจากคุณยาย เริ่มด้วยหมูชะมวง ชามโตที่ทางร้านได้บรรจงคัด สันคอหมูมาเคี่ยวกับเครื่องแกงและใบชะมวงจนเปื่อยนุ่มเข้าเนื้อได้รสชาติเปรี้ยวนำ หวานเค็มเผ็ดตาม กลมกล่อม ต้องบอกเลยว่าเมนูนี้กินกับข้าวสวยฟินมากๆ

แกงป่าปลาเห็ดโคน (220 THB)

เมนูต่อมาเป็นแกงป่าปลาเห็ดโคน เมนูนี้ก็ไม่ได้หาทานง่ายๆเพราะต้องขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ชาวประมงจับมาได้ด้วย เมนูนี้สายเฮลตี้ต้องชอบเพราะอุดมไปด้วยผักและเนื้อปลาแถมรสชาติยังจัดจ้านไม่มันเลี่ยนด้วย

ยำปลาสละหอมทอด (190 THB)

สุดท้ายสำหรับเมนูอาหารคาวกับเมนูยำปลาสละหอมทอด เมนูนี้ก็หาไม่ง่ายเพราะต้องสั่งปลาสละมาจากชาวประมงเช่นกัน ปลาสละเค็มกำลังดีทอดจนเนื้อฟูแล้วนำมาเสิร์ฟคู่กับเครื่องยำจากน้ันก็บีบมะนาวลงไป กินกับข้าวสวยเพลินเลย

บัวลอยเผือกแก้ว (75 THB)

จบจากคาวมาต่อเมนูหวานกันบ้าง เมนูแรกคือ บัวลอยเผือกแก้ว เมนูของหวานที่ทำจากเผือกแต่ให้รสสัมผัสคล้ายกับทับทิมกรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำกะทิหอมละมุน

ข้าวหนุกงา (85 THB)

ต่อมาเป็นเมนูขนมของทางเหนือที่ได้การปรับปรุงให้ดูทันสมัยและทานง่ายขึ้น กับข้าวหนุกงา เมนูที่เอาข้าวเหนียวมาคลุกกับงาขี้ม่อนให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปทอดให้ข้างนอกกรอบ โรยด้วยถั่วบดและเสิร์ฟพร้อมกับน้ำเชื่อมทำจากน้ำตาลอ้อย

ขนมปาดข้าวโพดพันนาคอตต้า (95 THB)

เมนูปิดท้ายมื้อกับ ขนมปาดข้าวโพดพันนาคอตต้า เมนูขนมปาดข้าวโพดของทางอีสานนำเสนอในรูปแบบของพันนาคอตต้าที่มีความนุ่มเด้ง หอมกลิ่นข้าวโพด ก่อนกินก็เพิ่มความหวานด้วยน้ำเชื่อมข้าวคั่วหอมกรุ่น

ต้องบอกเลยว่าอิ่มอกอิ่มใจกับอาหารมื้อนี้มาก เพราะมาที่นี่ที่เดียวก็ได้สัมผัสอาหารไทยถึง 4 ภาคเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละจานเชฟปรุงออกมาได้ถึงรสถึงชาติจริงๆ แถมบรรยากาศก็ดี บริการก็เป็นเลิศ เหมาะแก่การพาครอบครัว พาเพื่อน พาคนรักมาทานจริงๆ

INFO

HOURS :

11.30 – 21.00 (Monday Closed)

TEL :

052 010 414

ADDRESS :

MAP >