
Hyatt Regency Phuket Resort
ที่นี่เป็น Hyatt regency แห่งที่ 3 ที่เราได้ไปพัก หลังจากได้ไปพักที่กรุงเทพ และเกาะสมุยมาแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าว่าเป็นโรงแรม Hyatt ที่เงียบสงบที่สุดที่เคยไปมาเลย เหมาะแก่การมาพักผ่อนสุดๆ
ด้วยความที่โรงแรมเพิ่งจะ Renovate ตั้งแต่ห้องพักไปจนถึงห้องอาหาร เหมือนเป็นการยกเครื่องใหม่หมดเลย การตกแต่งภายในโรงแรมก็ยังคงความเป็น Hyatt ไว้เหมือนเดิม ส่วนที่เราคิดว่าเพิ่มเติมมาก็คือ ห้องอาหารที่ตกแต่งได้สะดุดตามากขึ้น จนไม่คิดว่า Hyatt จะมีห้องอาหารสไตล์แบบนี้อยู่ด้วย



| King Bed Ocean View Club Access
ห้องที่เราเข้าพักจะเป็นห้อง King Bed Ocean View Club Access จะเป็นห้องหัวมุมตึก ขนามห้องประมาณ 48 ตร.ม. ที่มีระเบียงส่วนตัว สามารถมองเห็น Pool และทะเลได้ ตึกที่เราเข้าพักจะเป็นอาคาร 11 ห้องเลขที่ 1113 จะค่อยข้างอยู่สูงขึ้นไปจากสระว่ายน้ำพอสมควร ข้อดีคือสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ไกลขึ้นด้วย

ภายในห้องจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ห้องนอน ห้องน้ำ และระเบียง โดยห้องนอนจะมาพร้อมกับเตียงขนาด King size พร้อมกับโซฟาปลายเตียงและโต๊ะทานอาหารตัวเล็ก ด้านข้างจะมีโต๊ะทำงาน


ส่วนห้องน้ำจะมีแยกห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และอ่างไว้จากกันหมด เลย แต่ว่าไม่ได้มีแบ่งอ่างล้างมือแบบ His and Her ส่วนใครที่อยากตีฟอง แต่ว่าม่ได้เตรียม Bath bomb มาสามารถใช่ Shower gel ในห้องน้ำได้ แต่ว่าอาจจะต้องใช้เยอะนิดนึง

ระเบียงเป็นมุมที่เราชอบมาก เวลาตื่นเช้าขึ้นมาแล้วมานั่งจิบกาแฟ หรือนั่งทำงานชิลๆ เพราะว่าช่วงเช้าจะไม่มีแดดส่องเข้ามา ทำให้ตรงระเบียงจะไม่ร้อน


| Infinity Pool
Infinity Pool คงเป็นหนึ่งใน Highlight ของที่นี่ เพราะว่านอกจากสระของที่นี่จะใหญ่มากแล้ว ยังสามาถมองเห็นวิวทะเลได้เลยด้วย เหมือนกับว่าสระว่ายน้ำอยู่ติดกับทะเลเลย ถ้าใครจะมาถ่ายรูปแนะนำว่าให้มาถ่ายรูปตอนน้ำขึ้นนะ
🏖 หาดของโรงแรมจะต้องเดินข้ามถนนไป แต่ว่าจะค่อยข้างเป็นส่วนตัว แนะนำให้มาช่วงน้ำขึ้นเท่านั้นนะ เพราะถ้าน้ำลงจะลงไปเยอะมาก อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ใช่ทุกโรงแรมจะมีก็คือ Snorkeling ชมแนวปะการัง บริเวณหน้าหาดชองโรงแรม ที่ห่างออกไปจากฝั่งประมาณ 30-40 เมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยจะเดินทางไปพร้อมกับ experience guru ที่จะคอยสอนการใช้อุปกรณ์ไปถึงความปลอดภัยของเรา ที่เราชอบคือ เค้ามีห่วงยาง ถ้าเราไม่ไหวก็เกาะแล้วให้เค้าพาเรากลับฝั่งได้เลย 😂😂 เราแนะนำให้ทาครีมกันแดดแบบกันน้ำก่อนไปด้วย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน







| The Pool House Kitchen
ห้องอาหารของโรงแรมที่เปิดตอนนี้ จะมีทั้งหมด 3 ห้องอาหารด้วยกัน ห้องแรกที่เราจะพูดถึงคือ ห้องอาหาร The Pool House Kitchen ห้องอาหารที่เป็น All-day Dining จะเป็นห้องอาหารที่เรามาทานอาหารเช้าด้วย หลังจากนั้นก็จะมีเสิร์ฟอาหารไทย อาหารอินเดีย และอาหารสไตล์ Western ที่เป็น comfort food ส่วนตัวชอบการดีไซต์ของห้องอาหารนี้มากเลย








| Breakfast
อาหารเช้า ของที่นี่ส่วนตัวมองว่าไม่ได้โดดเด่นมาก เมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆของโรงแรม ตัว Line Buffet จะเป็นอาหารนานาชาติ มีทั้งไทย จีน และแบบ American breakfast ส่วนตัวจะชอบมุมอาหารไทย เพราะว่าจะมีมุมก๋วยเตี๋ยวและขนมจีน ที่จะเปลี่ยนแกงและน้ำยาในแต่ละวัน ถ้ามาอยู่หลายคืนแนะนำให้ลองทุกวันเลย ส่วนถ้าใครไม่ทานเส้นก็จะมีเมนูข้าวอยู่เหมือนกัน

| 180 Degree Bar
ห้องอาหารต่อมาจะเน้นแบบชิลๆ เพราะจะเน้นเป็นบาร์ นั่นก็คือ 180 Degree Bar เป็นบาร์ที่เสิร์ฟชากาแฟ เครื่องดื่มทั้งที่เป็น Mocktail และ Cocktail จุดเด่นของห้องอาหารนี้คือ จะเป็นบาร์ที่อยู่บริเวณหน้าสระว่ายน้ำเลย สามารถมองเห็นวิวสระได้แบบ 180 องศาเลย


| Mizu
ส่วนห้องอาหารสุดท้ายที่ไม่ควรพลาดถ้าหากมาพักที่นี่คือ Mizu ห้องอาหารญี่ปุ่นที่จะเสิร์ฟอาหารแบบ Teppanyaki มีการโชว์ผัดอาหารแบบสดๆทุกจนเลย ขอบอกว่าเรียกน้ำลายแบบสุดๆ จะมีเสิร์ฟเป็นแบบ Course Menu มีให้เลือก 2 Course ด้วยกัน คือ Kamala (2,800 THB++) และ Patong (3,500 THB++)


ที่เราได้ลองทานจะเป็น Kamala คือมี Appetizer เป็น Scallop และ Sea bass เนื้อปลากระพงขาว ส่วน Main Course จะเป็น Tasmanian Salmon และ Black Tiger Prawn Fried Rice ทานพร้อมกับ Miso soup ส่วนเมนูของหวานจะเป็น Vanilla Ice cream Flambé ทานคู่กับผลไม้สด



INFO