
The Fable Feast Meat & More
ร้านอาหารแนว Grill Bar and European Twist ตั้งอยู่ใน Hotel Labaris Khao Yai ที่ได้ Chef OHM และ Chef RUD มารังสรรค์เมนูอาหารที่มีการนำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นและวัตถุดิบชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลกมาสร้างสรรค์เป็นเมนูต่างๆ โดยเฉพาะเมนูที่มีผัก ทางร้านจะเลือกใช้ผักออร์แกนิค และดอกไม้ที่ทานที่ปลูกเองใน สวน Magical Blossom และ The Rabbit Garden
ตัวร้านอาหารถูกออกแบบโดยมีแนวคิดว่าอยากให้เหมือนเป็นห้องปรุงยา มีเพดานสูงและมีช่องแสงด้านบนตลอดแนวจั่ว ทำให้เราสามารถมองเห็นทิวเขาและสวนด้านนอกได้ ส่วนพื้นที่ด้านในก็จะมี Open Bar อยู่กลางร้าน ที่เราสามารถมองขั้นตอนการทำได้หมดเลย ส่วนครัวก็เป็นแบบ Open Kitchen เช่นกัน




| European Twist
เมนูอาหารของที่มีจุดเด่นคือการเลือกใช่เนื้อที่เลี้ยงแบบอิสระและด้วยการขนส่งแบบรักษาอุณหภูมิ ทำให้เนื้อสเต็กทุกจานของที่นี้มีความนุ่มชุ่มฉ่ำและมีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับวิธีการ Grill ที่เลือกใช้ไม้หอม Hickory Wood ในทุกเมนู จะช่วยเพิ่มกลิ่นย่างให้ชัดขึ้น

2GR Wagyu, Rib eye, Australia (1,790 THB++)
สําหรับซอส Chef OHM ก็มีให้เลือกหลากหลายตัวแต่ที่ไม่อยากให้พลาดคือ Chimichurri, Peppercorn parmesan whisky, Chivasauce และ Fermented wasabi ที่เป็นการนําวัตถุดิบท้องถิ่นและสมุนไพรต่างๆมาปรุงรสให้เข้ากับเนื้อ หรือจะเลือกทานคู่กับ เกลือหิมาลัย (Pink Himalayan salt) และเกลือทรัฟเฟิล (Truffle salt) เพื่อชูความหอมที่มีเอกลักษณ์ของ 2GR Wagyu, Rib eye, Australia ก็อร่อยไม่แพ้กัน

2GR Wagyu, Rib eye, Australia (1,790 THB++)
| European Twist
ส่วนอีกแบบคือ European Twist เป็นการจับคู่อาหารไทยดั้งเดิมที่มีการนำเอาวัตถุดิบในท้องถิ่นมาบวกกับวัตถุดิบนำเข้าเกรดพรีเมี่ยม เพื่อให้ได้อาหารที่มีความโมเดิร์นแต่ก็ยังมีความเป็นไทยอยู่
French fries six sauce (190 THB++) จากมันฝรั่งที่เป็นพืชท้องถิ่นปลูกได้ง่ายกับสมุนไพรที่เราปลูกในสวน The Rabbit Garden Chef OHM จึงได้สร้างสรรค์เมนูนี้ขึ้นมา จุดเด่นของเมนูนี้น่าจะอยู่ที่ปรุงซอส 6 แบบ จากส่วนผสมต่างๆ ทั้งซอสศรีราชา, ผงแกงกะหรี่, เชดดาร์ชีส (Cheddar Cheese), มอสซาเรลลาชีส (Mozzarella Cheese), ซอสทาบาสโก้ (Tabasco sauce), วาซาบิ (Wasabi) มาผสมผสานรวมกับผักออร์แกนิคและสมุนไพรที่ปลูกเองไม่ว่าจะเป็น มะเขือเทศเชอรี่ (Cherry tomatoes) ใบแบล็คมินท์ (Black mint)

French fries six sauce (190 THB++)
Pan seared foie gras, mix berry sauce (480 THB++) สําหรับใครที่ชื่นชอบ ฟัวกราส์ไม่ควรพลาดเมนูนี้เลย เพราะว่า Chef OHM เลือกใช้ตับห่านฟัวกราส์ของ รูว์จีย์ (Rougie) เพราะมาจากห่านที่ได้รับการเลี้ยงดูแบบอิสระ (Free range) และได้รับอาหารคุณภาพอย่างข้าวโพดเกรดพรีเมี่ยม โดยไม่ผสมฮอร์โมนหรือยาปฏิชีวนะ เสิร์ฟพร้อมผักสลัดออร์แกนิคจากสวน The Rabbit Garden และซอสเบอร์รี่ที่ปลูกในเขาใหญ่ รสชาติจะเข้มข้นๆ เปรี้ยวอมหวานตัดกับความหอมมันของฟัวกราส์ได้ดีเลย

Pan seared foie gras, mix berry sauce (480 THB++)
Lobster bisque soup (290 THB++) ซุปครีมกุ้งล็อบสเตอร์เป็นเมนูที่ Chef OHM ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก บิสก์ (Bisque) หรือซุปข้นสไตล์ฝรั่งเศส แต่ความแตกต่างของ Lobster bisque soup ของ Chef OHM อยู่ที่การเลือกผสมผสานล็อบสเตอร์จากประเทศแคนนาดา (Fresh Canadian lobster) และกุ้งลายเสือของไทย (Tiger prawn) ปรุงรสด้วยเกลือทะเล (Sea salt) พริกไทยดํา (Black pepper) และ XO brandy แถมยังเพิ่มความพรีเมี่ยมด้วยการเสิร์ฟพร้อมเนื้อก้ามกุ้งล็อบสเตอร์ (Lobster claw) และไข่ปลาคาเวียร์ (Caviar) ด้วย เป็นเมนูที่เราชอบเมนูนึงเลย

Lobster bisque soup (290 THB++)
What the Duck salad (300 THB++) สลัดอกเป็ดรมควัน ฟัวย์กราส์ และไข่เป็ด ที่เสิร์ฟพร้อมผักกสลัดออร์แกนิคจากสวน The Rabbit Garden ที่ปลูกเอง ทานพร้อมกับ อกเป็ดรมควัน ฟัวย์กราส์และไข่เป็ดลวก
เสิร์ฟคู่กับนํ้าสลัดสูตรพิเศษของ Chef OHM ที่มีส่วนผสมของน้ำเลมอนสด นํ้าผึ้งเกสรดอกลําไยจากเชียงราย

What the Duck salad (300 THB++)
Battered fresh lobster salad (650 THB++) สําหรับใครที่ชอบความจัดจ้านของส้มตํา พลาดเมนูนี้ไม่ได้เลย สลัดล็อบสเตอร์ที่ Chef RUD ภูมิใจนําเสนอผลไม้ท้องถิ่นของเขาใหญ่ นำมาคลุกเคล้ากับนํ้ายําที่ปรุงรสแบบส้มตําไทยพร้อมกับ Twist เมนูจากนี้ด้วย “ล็อบสเตอร์จากประเทศแคนนาดา” ทอดจนเหลืองกรอบและนําไปเคลือบด้วยซอสเอบิมาโย คือดีย์มากจริงๆ

Battered fresh lobster salad (650 THB++)
Oven-baked spaghetti pomodoro with seafood (350 THB++) สปาเกตตีทะเลอบซอสมะเขือเทศและแป้งโฟกาเชีย โดยตัวเส้นสปาเกตตีจะซ่อนอยู่ในแผ่นแป้งฟอคคาเซีย (Focaccia) อีกที และเวลาเราเปิดแป้งออกมา คือจะมีกลิ่นหอมที่เหมือนเป็นกลิ่นซีฟู๊ดๆ เพราะว่าเมนูนี้มีส่วนผสมของหอยแมลงภู่แทสเมเนียนดํา กุ้งขาว ปลาหมึก นำลงไปดริปกับซอสมะเขือเทศเข้มข้นที่ส่วนผสมของแอนโชวี่ (Anchovies) เม็ดเคเปอร์ (Capers) และมะกอกดํา (Black olives) ใครที่เป็นสายเส้นต้องชอบแน่นอน และแป้งโฟกาเชียที่อยู่ข้างนอกทานได้ด้วยนะ แนะนำให้ไปดริปกับซอสมะเขือเทศ จะคล้ายๆกับพิซซ่าเลย

Oven-baked spaghetti pomodoro with seafood (350 THB++)

Oven-baked spaghetti pomodoro with seafood (350 THB++)
Creamy mushroom risotto, grill beef tenderloin (650 THB++) ข้าวรีซอตโต้อบเนื้อซอสเห็ดริซอตโต้ทํามาจากข้าวพันธุ์อิตาลีซึ่งเป็นเมนูที่หาทานได้ยากในเมืองไทย และด้วยความที่ Chef OHM อยากให้คนไทยได้รู้จักข้าวชนิดนี้มากยิ่งขึ้น Chef OHM จึงพิถีพิถันในการเลือกข้าวริซอตโต้ออร์แกนิคที่นําเข้าจากประเทศอิตาลีปรุงรสด้วยเกลือทะเล (Sea salt) พริกไทยดํา (Black pepper) และนําไปผัดกับครีมสด พาเมซานชีส (Parmesan Cheese) เพื่อให้มีรสชาติหอมมัน เพิ่มเสน่ห์ด้วยเนื้อสันในออสเตรเลีย (Jack Creek’s, Tenderloin, MB3, 180 days, Australia) ที่มีความนุ่มจนแทบละลายในปาก ตบท้ายอร่อยตัวด้วยนํ้ามันเห็ดทรัฟเฟิล (Truffle oil) และเห็ดทรัฟเฟิลสไลด์ (Slice truffle)

Creamy mushroom risotto, grill beef tenderloin (650 THB++)
Braised Wagyu Osso buco, onzen egg (650 THB++) หน้าเเข้งวัว ซึ่งเป็นส่วนที่ working muscle หรือกล้ามเนื้อขา ที่เมื่อนํามาตุ๋นกับนํ้าเกรวี่นานกว่า 12 ชั่วโมงจะได้เนื้อที่นุ่ม หอม หวาน ด้วยความเข้มข้นของไขกระดูกวัวทําให้ซอสเกรวี่ของ Chef OHM มีความเข้มข้นหวานหอมตามธรรมชาติโดยไม่มีการใส่สารเสริมใดๆและที่สําคัญคือไขกระดูกวัวที่เป็นเจลาตินยังช่วยในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ บํารุงผิวพรรณ ทานพร้อมกับข้าวผัดเนยกระเทียมสองสีและไข่ออนเซ็น คือที่สุดจริงๆ

Braised Wagyu Osso buco, onzen egg (650 THB++)
Summer platter (290 THB++) เป็นเมนูขนมหวานไทยฟิวชั่น ที่นำขนมไทยมาเสิร์ฟแบบ European โดยจะมีเป็น ข้าวเหนียวดําหน้าสังขยาคาราเมลไรซ์, ข้าวเหนียวหน้าปลาแซลมอนคั่วหวาน, ข้าวเหนียวหน้าปลาแซลมอนคั่วเค็ม, ผลไม้ตามฤดูกาลลอยแก้ว ปิดท้ายด้วยไอศกรีมผลไม้ทานคู่นํ้าปลาหวาน

Summer platter (290 THB++)

Lady in Wonderland (150 THB++)
INFO